เลขที่หนังสือ: กค 0811/3718 วันที่: 14 พฤษภาคม 2545 เรื่อง: ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีชำระเงินค่าซอฟแวร์ไปต่างประเทศ ข้อกฎหมาย: มาตรา 70 ข้อหารือ: 1. บริษัท A. เป็นบริษัทที่จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศอินเดีย และไม่มี สำนักงานสาขาหรือตัวแทนในประเทศไทย ได้ขายโปรแกรมคอมพิวเตอร์ "PROMIS" Software ให้แก่ บริษัท B. ในประเทศไทย โดยมีรายละเอียดและราคาปรากฏตามใบสั่งซื้อและหนังสือของ B. ที่ DMS01-L056 ลงวันที่ 19 กรกฎาคม 2544 ดังนี้ 1. 1 รายการ 60: Special Lan Price for บริษัท B. MV Div. (USD 22, 500. -) โดยพื้นฐานเป็น Software มาตรฐานเพื่อการเขียนแบบวงจรควบคุมทางไฟฟ้า ซึ่งทาง บริษัท B. ได้ขอให้มีการปรับเพิ่มความสามารถบางประการของโปรแกรม (ตามรายการที่ 90) เพื่อให้ สนองความต้องการจำเพาะของ บริษัท B. เช่น การสร้าง Graphical Terminal Plan เป็นต้น 1. 2 รายการ 70: Promis Programming Language (PPL) (USD 1, 000. -) PPL เป็น In-house programming language ของ บริษัท B. ถือเป็น Software ตัวหนึ่งซึ่ง พัฒนาขึ้นเพื่อการทำ Customization program ตามความต้องการจำเพาะบางอย่างที่ไม่รวมอยู่ใน Software มาตรฐาน 1.
3 รายการ 80: Installation and Training Charges (USD 1, 145. -) ทาง บริษัท A. ได้จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาติดตั้งและฝึกอบรมให้แก่พนักงานบริษัท B. ในขณะนี้บริษัท A. ยังไม่มีตัวแทนอยู่ในประเทศไทย 1. 4 รายการ 90: Customization Charges (USD 7, 100. -) เป็นการปรับใน ตัว Software พื้นฐาน โดยทำสำเร็จจากประเทศอินเดีย มีการปรับแก้ภายหลังเพียงเล็กน้อย 1. 5 รายการ 100: Software Update and Hotline Support Contract (SUHLSC) = AMC (USD 4, 950. -) เป็นการรองรับการ Update โปรแกรมที่อาจมีในโอกาสต่อไป AMC ไม่ได้เป็น Software 2. บริษัท B. ผู้ซื้อได้โอนเงินชำระค่าซอฟต์แวร์ให้แก่ บริษัท A. พร้อมหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ ในอัตราร้อยละ 15 ตามมาตรา 40(3) ประกอบกับมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และนำส่ง ภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว และขอให้กรมสรรพากรออกหนังสือรับรองการนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายฉบับภาษา อังกฤษ เพื่อเป็นหลักฐานส่งให้แก่ บริษัท A. ซึ่งสำนักงานสรรพากรภาค 5 ได้ออกหนังสือรับรองฯ ฉบับ ภาษาอังกฤษให้แก่ บริษัท B. แล้ว 3. โต้แย้งว่าค่าซอฟต์แวร์ที่ตนได้รับจากบริษัทผู้ซื้อไม่สามารถถือเป็นค่าสิทธิได้ทั้ง จำนวน และไม่อยู่ในบังคับตามข้อ 12 และข้อ 7 แห่งอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐ อินเดียเพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงรัษฎากรในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจาก เงินได้ (อนุสัญญาฯ) จึงขอหารือเกี่ยวกับปัญหาการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามอนุสัญญาฯ กรณีการได้ รับชำระค่าซอฟต์แวร์จากบริษัทผู้ซื้อในประเทศไทยดังต่อไปนี้ 3.
จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 15 ของเงินที่จ่าย ตามมาตรา 70 แห่ง ประมวลรัษฎากร และข้อ 12 วรรค 2 แห่งอนุสัญญาฯ ซึ่งหาก บริษัท B. ได้หักภาษี ณ ที่จ่ายดังกล่าว ไว้ถูกต้องแล้ว บริษัท A. ก็ไม่มีสิทธิขอคืนภาษีจากประเทศไทย แต่อย่างใด 2. กรณีตาม 3. 2 เมื่อรัฐบาลไทยมีสิทธิเรียกเก็บภาษีโดยชอบตามข้อ 12 วรรค 2 แห่ง อนุสัญญาฯ ประกอบกับมาตรา 70 แห่งประมวลรัษฎากร และ บริษัท B. ได้หักภาษีเงินได้จาก ค่าตอบแทนดังกล่าว และนำส่งโดยถูกต้องแล้ว แม้ว่าบริษัท A. จะไม่มีภาระภาษีหรือไม่มีภาษีเงินได้ที่ ต้องชำระให้แก่รัฐบาลอินเดีย สำหรับปี 2544-2545 ก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิขอคืนเงินภาษีดังกล่าวจาก ประเทศไทยแต่อย่างใด ส่วนภาษีที่ บริษัท A. ถูก บริษัท B. หักไว้ในประเทศไทย จะถือเป็นเครดิตต่อ ภาษีอินเดียของ บริษัท A. ในประเทศอินเดียหรือไม่ อย่างไร มิใช่ประเด็นที่กรมสรรพากรแห่งรัฐบาล ไทยจะต้องพิจารณา เลขตู้: 65/31412
หลักฐานแสดงว่าเดิมเคยมีสัญชาติไทย หรือแสดงว่าบิดา หรือมารดามีสัญชาติไทย หรือเคยมีสัญชาติไทย กรณีเพื่อเยี่ยมคู่สมรส หรือเยี่ยมบุตรซึ่งมีสัญชาติไทย 3. หลักฐานแสดงความสัมพันธ์ (กรณีคู่สมรสต้องมีความสัมพันธ์กันทั้งทางนิตินัย และพฤตินัย) 3. 1 สำเนาทะเบียนบ้านของคู่สมรส หรือบุตร 3. 2 สำเนาบัตรประชาชนของบุคคลผู้มีสัญชาติไทย 3. 3 สำเนาทะเบียนสมรส หรือสำเนาสูติบัตรของบุตร กรณีเพื่อการดำเนินคดี หรือดำเนินกระบวนพิจารณาอันเกี่ยวกับคดี 3. หลักฐานยืนยันว่าเป็นผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดี โดยเป็นผู้กล่าวหา ผู้เสียหาย ผู้ต้องหา โจทก์จำเลย หรือพยาน กรณีปฏิบัติหน้าที่หรือภารกิจให้แก่ส่วนราชการ หรือรัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือสถานฑูต หรือสถานกงสุล หรือองค์การระหว่างประเทศ 3. หนังสือรับรองหรือร้องขอ จากส่วนราชการระดับกรม หรือเทียบเท่า หรือหัวหน้า 4. รัฐวิสาหกิจ หรือหัวหน้าหน่วยงานอื่นของรัฐ หรือจากส่วนราชการตำรวจระดับกองบังคับการหรือเทียบเท่าขึ้นไป หรือจากส่วนราชการทหารระดับผู้บังคับหน่วยในสังกัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ซึ่งมีชั้นยศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรีขึ้นไป ในส่วนที่เกี่ยวข้อง หรือจากองค์การระหว่างประเทศ กรณีมีเหตุจำเป็นโดยมีสถานฑูต หรือสถานกงสุล รับรองและร้องขอ 3.