เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 ที่องค์การบริหารส่วนตำบลสหัสขันธ์ อ. สหัสขันธ์ จ. กาฬสินธุ์ นางสาวแววตา นระทัด นายอำเภอสหัสขันธ์ พร้อมด้วยนายไสว สิมคร เกษตรอำเภอสหัสขันธ์, นางศุภวรรณ พงษ์นุ่มกุล พัฒนาการอำเภอสหัสขันธ์ ลงพื้นที่ติดตามการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ ต. สหัสขันธ์ ซึ่งชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนน้ำซ้ำซากมานานกว่า 10 ปี โดยมีนายธวัชชัย บุญทานันท์ นายก อบต. สหัสขันธ์ ทีมผู้บริหาร สมาชิก สภา อบต. สหัสขันธ์ และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รายงานความคืบหน้าและปัญหาสภาพในพื้นที่อย่างละเอียด ก่อนลงพื้นที่จริงในส่วนพื้นที่แล้งซ้ำซาก และการรื้อปรับปรุงคลองส่งน้ำชลประทานเดิม เพื่อเป็นประโยชน์ด้านการเกษตรให้กับชาวบ้าน ทั้งนี้ ในพื้นที่ อบต. สหัสขันธ์ มีปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่อการบริโภค อุปโภค และน้ำเพื่อการเกษตรไม่เพียงพอ เป็นปัญหาซ้ำซากสะสมมานานกว่า 10 ปี ซึ่งทาง อบต. สหัสขันธ์ ได้ออกสำรวจและรับฟังปัญหาจากชาวบ้านผ่านเวทีประชาคมแต่ละหมู่บ้าน โดยแบ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้มีน้ำใช้ช่วงหน้าแล้ง ระยะ 2 เดือน คือ เดือนเมษายน–พฤษภาคม และการแก้ไขปัญหาระยะยาวในการส่งเสริมให้มีน้ำเพื่อการเกษตร ชาวบ้านสามารถประกอบอาชีพ ทำนาปลูกข้าวนาปรัง ปลูกพืชหน้าแล้งได้ เพื่อสร้างรายได้ต่อเนื่องตลอดทั้งปี นายธวัชชัย บุญทานันท์ นายก อบต.
ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2564 กําหนดให้เข้าสู่ฤดูฝน ในวันที่ 15 พฤษภาคม 2564 และในปัจจุบัน อ่างเก็บน้ําลําปาว มีปริมาณน้ํา 647. 72 ล้านลูกบาศก์เมตร (32. 71%) คิดเป็นปริมาณน้ําใช้การ 547. 72 ล้านลูกบาศก์เมตร (27. 66%) และที่ประชุมคณะกรรมการจัดการชลประทาน (Joint Management Committee for irrigation: JMC) เมื่อ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 ได้มีมติให้เริ่มส่งน้ําฤดูฝนปี 2564 โดยเป็นการส่งน้ําชลประทานเสริมฝน โครงการ ส่งน้ําและบํารุงรักษาลําปาว จึงขอประกาศ ดังนี้ 1. กําหนดการส่งน้ําให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ตั้งแต่วันที่ 8 กรกฎาคม 2564 และจะเริ่มส่งให้ พื้นที่ปลูกข้าวนาปีเต็มพื้นที่ชลประทาน ตั้งแต่วันที่ 12 กรกฎาคม 2564 จนถึงประมาณวันที่ 31 ตุลาคม 2564 2. ขอให้เกษตรกรใช้น้ําฝนเป็นหลัก โดยโครงการฯ จะส่งน้ําเสริมน้ําฝน เมื่อเกิดฝนทิ้งช่วง หรือขาดแคลนน้ํา เพื่อให้การบริหารจัดการน้ํามีประสิทธิภาพสูงสุด 3. ขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรผู้ใช้น้ําชลประทาน ดําเนินการ ทําความสะอาดคู-คลองส่งน้ํา ในพื้นที่รับผิดชอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรับน้ําได้อย่างมีประสิทธิภาพ 4.
3 จุดวิกฤติบ้านขมิ้น ตำบลนาดี ติด อ. ฆ้องชัย น้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 15 ซม. น้ำเริ่มเอ่อล้นถนน เข้าตำบลอุ่มเม่า นาดี ประมาณ 3 - 5 ซม. การสัญจรไปมายังใช้ได้ ไม่มีการอพยพ 2. 4 จุดวิกฤติบ้านนาร่มเย็น ม. 15 ต. บัวบาน น้ำแผ่บริเวณออกไป ไหลท่วมถนน เข้าหมู่บ้าน สูง 3-5 ซม. การสัญจรเดินทางยังใช้ได้ และไม่มีการอพยพชาวบ้าน สภาพทั่วไปน้ำสูงขึ้นในอัตราที่ลดลง แต่กินบริเวณกว้างขึ้น น่าจะผ่านจุดสูงสุดในวันนี้ 3. อำเภอกมลาไสย 3. 1 ระดับน้ำในลำน้ำปาวสูงขึ้นจากเมื่อวานประมาณ 8 ซม. ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำชี ณ จุดบ้านหนองมะเกลือ ต. เจ้าท่า เพิ่มระดับสูงขึ้นจากเมื่อวาน 10 ซม. ยังไม่มีผลกระทบต่อบ้านเรือนราษฎร 3. 2 มีบ้านเรือนราษฎรที่ถูกน้ำท่วม บริเวณบ้านฟากปาว ม. 14 ต. กมลาไสย จำนวน 17 หลัง ในจำนวนนี้ 3 หลัง ได้จัดให้ราษฎรอพยพมาอยู่ที่ศูนย์รองรับการอพยพฯ 3 ครัวเรือน จำนวน 11 คน 3. 3 เส้นทางการคมนาคม มีถนนสายรองเสียหายเพิ่มเติม เนื่องจากน้ำท่วมขัง ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ จำนวน 4 เส้นทาง ดังนี้ - ตำบลดงลิง ถนนบ้านโนนรัง-บ้านคุยค้อ น้ำท่วมสูง 20-30 ซม. ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แจ้งให้ราษฎรเลี่ยงใช้เส้นทาง โดยให้ใช้เส้นทางอื่นแทน - ตำบลดงลิง ถนนสายจากพนังลำน้ำชี้ไปบ้านแวง ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แจ้งให้ราษฎรเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นแทน - ตำบลดงลิง ถนนเส้นทางไปวัดป่าบ้านโนนเมือง ไม่สามรถสัญจรไปมาได้ แจ้งให้ราษฎรเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นแทน - ตำบลเจ้าท่า ถนนหลังโรงเรียนบ้านท่ากลาง ไม่สามารถสัญจรไปมาได้ แจ้งให้ราษฎรเลี่ยงใช้เส้นทางอื่นแทน ทั้งนี้ มทบ.
สหัสขันธ์ กล่าวว่า พื้นที่การเกษตรกว่า 18, 000 ไร่ มีขอบเขตติดกับเขื่อนลำปาว แต่ยังไม่สามารถนำน้ำจากเขื่อนลำปาวมาใช้ได้เต็มที่ มีแหล่งน้ำธรรมชาติหลายแห่ง ซึ่งเหมาะจะเป็นน้ำดิบ แต่กลับมีปัญหาการปล่อยระบบ ไม่ดูแลซ่อมแซมจนพังชำรุดเสียหาย เป็นต้นเหตุของการขาดแคลนน้ำใน ต. สหัสขันธ์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการรับฟังปัญหาและออกสำรวจทั้งตำบล และรับทราบถึงปัญหา ตลอด 3 เดือน ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาเพื่อวางแผนรับมือฤดูร้อนหน้าแล้งขาดแคลนน้ำ ซึ่งชาว ต.
13 มิ. ย.